ทุกครั้งที่นักมวยไทยขึ้นเวทีระดับโลก มักจะมีเสียงชื่นชมจากทั่วโลกในความแข็งแกร่งและศิลปะที่งดงาม
แต่ไม่น้อยครั้งที่เพื่อนบ้านอย่าง กัมพูชา ก็ออกมาแสดงความไม่พอใจ พร้อมประกาศว่า “กุนขแมร์” (Kun Khmer) ของตนต่างหากคือศิลปะการต่อสู้ต้นฉบับ และมวยไทย “ลอกเลียนแบบ”
คำถามจึงเกิดขึ้นว่า ศิลปะการต่อสู้สองชนิดนี้แตกต่างกันตรงไหน? และเรื่องใครลอกใครมีหลักฐานจริงหรือแค่ศึกวาทกรรม?
ต้นกำเนิดทางประวัติศาสตร์
– มวยไทย มีรากจากการฝึกทหารในยุคโบราณ (สุโขทัย–อยุธยา) ใช้ศอก เข่า หมัด เท้า ผสมผสานกับการเคลื่อนไหวที่ยืดหยุ่น โดยพัฒนาจาก “มวยคาดเชือก” จนกลายเป็นกีฬาสากลในปัจจุบัน
– กุนขแมร์ คือศิลปะการต่อสู้พื้นบ้านของกัมพูชา ที่กล่าวอ้างว่ามีอายุเก่าแก่ไม่แพ้กัน โดยอิงจากภาพแกะสลักนักสู้ในอัปสราของปราสาทบายน หรือนครวัด ซึ่งหลายฝ่ายตีความว่าเป็นการชกมวยแบบโบราณ
ข้อถกเถียงหลักคือ: ต่างฝ่ายต่างอ้างว่า “ศิลปะของตนเองเกิดก่อน” โดยไม่มีหลักฐานชัดเจนเพียงพอจะฟันธง

ใครลอกใคร? หรือคล้ายกันเพราะมีรากร่วม?
คำถามนี้ยังไม่มีคำตอบตายตัว เพราะ:
– ทั้งไทยและกัมพูชาเป็นอาณาจักรใกล้กัน แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกันมาหลายร้อยปี
– ไม่มีบันทึกลายลักษณ์อักษรใดชี้ชัดว่า “ใครคิดก่อน” หรือ “ใครลอกใคร”
– ความคล้ายคลึงอาจเป็นผลจากพัฒนาการร่วมในภูมิภาค ไม่ใช่การลอกเลียน
สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ การยอมรับว่า “มวยไทย” และ “กุนขแมร์” ต่างก็มีคุณค่าและเอกลักษณ์ในแบบของตัวเอง ซึ่งสามารถเติบโตไปพร้อมกันบนเวทีโลก โดยไม่จำเป็นต้องแข่งขันว่าใครเหนือกว่าใคร
บทสรุป: การต่อสู้ไม่ใช่เรื่องของการลอก แต่คือรากวัฒนธรรมที่เติบโตเคียงกัน
ในโลกที่ศิลปะการต่อสู้ถูกยกขึ้นสู่เวทีนานาชาติ การถกเถียงว่าใครเป็น “ต้นฉบับ” หรือ “ของแท้” อาจไม่สำคัญเท่ากับการตระหนักว่า ทั้งมวยไทยและกุนขแมร์ต่างก็เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่หล่อหลอมจากประวัติศาสตร์ การแลกเปลี่ยน และการอยู่ร่วมกัน
แทนที่จะห้ำหั่นว่าใครลอกใคร เราอาจได้ประโยชน์มากกว่า หากหันมาเรียนรู้จากกันและกัน และส่งเสริมให้ศิลปะของแต่ละชาติเติบโตอย่างภาคภูมิบนเวทีโลก
เพราะในท้ายที่สุด “คุณค่าของศิลปะการต่อสู้ไม่ได้วัดจากใครเริ่มก่อน แต่วัดจากว่าใครรักษาไว้และพัฒนามันไปได้ไกลแค่ไหน”

Leave a Reply